EOL System | ทดสอบภาษาอังกฤษ แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

Sign Up / Register

Forgot Password?
    การเรียงลำดับคำในภาษาอังกฤษ
Home  » Effective Writing  »  การเรียงลำดับคำในภาษาอังกฤษ
Headline : ลำดับคำในภาษาอังกฤษ
Date : 9   กรกฏาคม   2561
View : 33063
By cute guy
  

พบกันอีกเช่นเคยกับคอลัมน์Effective Writing น้องๆคิดว่าการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพยากไหมครับ? ไม่ต้องบอกก็รู้คำตอบคือยาก แต่เราสามารถฝึกกันได้ครับ ถ้าตั้งใจจริง วันนี้พี่ขอพูดถึงการเรียงลำดับคำในภาษาอังกฤษ เพราะเป็นประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่ง

แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจะมีรูปแบบประธาน(Subject) + กริยา(Verb) + กรรม(Object) ที่เหมือนกันอย่างฉัน(ประธาน) รัก(กริยา) เธอ(กรรม)กับ I(ประธาน) love(กริยา) you(กรรม)แต่เวลาใส่คำขยายต่างๆ เข้าไปในประโยค ลำดับจะต่างกันนะครับอย่างฉันมีกระเป๋าสีแดง ก็เป็น I have a red bag. น้องๆจะสังเกตได้ว่า สีแดง หรือ red ตำแหน่งการวางจะต่างกันเพราะ(1)ภาษาอังกฤษแปลจากข้างหลังมาข้างหน้าในขณะที่ภาษาไทยแปลจากข้างหน้าไปข้างหลัง (2) คำว่า red เป็นคำคุณศัพท์ (Adjectives) ใช้เพื่อขยายคำนามที่ตามมา นั่นก็คือ bag ดังนั้นคำว่าred จึงต้องอยู่ก่อน bag เพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นกระเป๋าสีแดง

นอกจากนี้เวลาทำเป็นประโยคคำถาม ภาษาอังกฤษก็จะย้ายคำกริยามาไว้หน้าประธาน ทั้งที่ภาษาไทยไม่มี เช่น

1. นั่นคือแฟนเธอรึเปล่าIs(กริยา) that your boyfriend?

2. เธอชื่ออะไร What is(กริยา) your name? (แปลตรงตัวได้ว่าอะไรคือชื่อเธอ)

3. Did(กริยา) his dad tell him not to worry? ประโยคนี้ดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพราะคำศัพท์ก็แปลออกทุกตัวใช่ไหมครับ แต่ถ้าให้เขียนเองตั้งแต่แรก พี่เชื่อว่าหลายคนคงไม่แน่ใจว่าเรียงประโยคยังไงให้อ่านรู้เรื่อง (จงแปลประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษ พ่อของเขาบอกเขารึเปล่าว่าไม่ต้องเป็นห่วง)

***นอกจาก Verb to Be: Is, Am, Are (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นปัจจุบัน), Was, Were (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นอดีต) ซึ่งทั้ง 5 คำแปลว่า เป็น, อยู่, คือ แล ะVerb to Do: Do, Does (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นปัจจุบัน), Did (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นอดีต) ซึ่งทั้ง 3 คำแปลว่าใช่ไหม แล้ว ยังมี Verb to Have: Have, Has (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นปัจจุบัน), Had (ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เป็นอดีต) ซึ่งทั้ง 3 คำแปลว่ามี ก็สามารถปรากฎในตำแหน่งแรกสุดในประโยคคำถามได้เช่นกัน***

เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ พี่ขอสรุปในรูปของตารางดังนี้

Verbs

Singular Subject (ประธานเอกพจน์=มีแค่1)

Plural Subject (ประธานพหูพจน์=มีมากกว่า 1)

To Be

Is, Am, Was

Are, Were

To Do

Does, Did

Do, Did

To Have

Has, Had

Have, Had

ตัวอย่างประโยค เช่น

1. Are you a student? (คุณเป็นนักเรียนใช่ไหม?)

2. Does she like pancake? (เธอชอบแพนเค้กหรือปล่าว?)

3. Had he got a scholarship? (เขาเคยได้รับทุนการศึกษาไหม?)

การเรียงลำดับคำภาษาอังกฤษนั้น หากเราเรียงไม่ถูกต้องความหมายของประโยคก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งหลักทั่วไปสำหรับการเรียงประโยคมีดังนี้
1. ประธาน (Subject) ของประโยค จะวางไว้หน้าสุด ตามด้วย คำกริยา (verb) และกรรม (object) เช่น
He read the book.
2. คำที่ทำหน้าที่เป็นกริยาวิเศษณ์ (Adverbs) ใช้เมื่อเราต้องการขยายประโยคของเราให้ชัดเจนหรือสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ปกติแล้วจะวางไว้ตรงตำแหน่งสุดท้ายของประโยค เช่น

He read the book quickly. = เขาอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว อ่านอย่างไร (How?) = อย่างรวดเร็ว
I waited at the corner (Where?) till 11.30 (When?).= ฉันได้คอยที่ตรงมุมถนนจนถึงเวลา11.30 . ที่ไหน (Where) = ที่ตรงมุมถนน เมื่อไหร่ (When?) = 11.30 .

ตัวอย่างประโยค

Subject

Verb

Object

Adverbs ใช้เพื่อตอบคำถาม How? Where? When? และอื่นๆ เช่น What?, Which? หรือ Who?

He

bought

a hat

yesterday. (When?)  เมื่อไหร่ = เมื่อวาน

The children

have gone

 

home. (Where?)  ที่ไหน = ที่บ้าน

We

ate

out meal

in silence. (How?) อย่างไหร่ = ในความเงียบ

 

นอกจากนี้ คำที่ทำหน้าที่เป็นกริยาวิเศษณ์ที่บอกเวลา เช่น yesterday, tomorrow, today สามารถวางไว้หน้าประโยคได้ด้วยเช่นกัน เช่น

Yesterday he bought a hat.

Today she wears jeans.

ก่อนจากกันไปพี่มีแบบฝึกหัดเล็กๆน้อยๆมาให้ลองทำกันดู

At a Restaurant(ที่ภัตตาคาร)

Scrambled Sentence Exercise (แบบฝึกหัดการเรียงประโยค)

1. ?  like  smoking  or  non-smoking  would  you

2. ?  are  order  ready  to  you

3. ?  drink  like  to  what  would  you

4. ?  dessert  like  menu  our  see  to  would  you

 

 

 

 

(เฉลย……ห้ามแอบดูนะ!!)

1. Would you like smoking or non-smoking?

2. Are you ready to order?

3. What would you like to drink?

4. Would you like to see our dessert menu?